การเรียนรู้เป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ถาวรเนื่องจากการฝึกปฏิบัติหรือประสบการณ์การเรียนรู้ขึ้นอยู่กับปัจจัยสามประการ
คือ ประการแรก ความสามารถของผู้เรียน ประการที่สอง ระดับของแรงจูงใจ และ
ประการสุดท้าย ธรรมชาติของภาระงาน
การเรียนรู้มีกระบวนการดังนี้ คือ
1.แรงจูงใจภายในทำให้ผู้เรียนรับความคิดง่าย
2.เป้าประสงค์ทำให้มีสำคัญได้ถึงความต้องการจำเป็นในสิ่งที่เรียน
3.ผู้เรียนเสาะหาวิธีการที่เหมาะสมในการแก้ปัญหา
4.ผลของความก้าวหน้าจากการเลือกแก้ปัญหาที่ลดความตึงเครียด
5.การขจัดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
ขอบเขตของการเรียนรู้สี่ประการ
บลูมและเพื่อนๆเป็นที่รู้จักกันดีในการแบ่งการเรียนรู้ออกเป็นสามประเภท
คือ ด้านปัญญาหรือพุทธิพิสัย ด้านทักษะพิสัย และด้านจิตพิสัย
การเรียนรู้ทั้งสามประการนี้ควรที่จะได้รับการพิจารณาในการวางงแผนผลที่ได้รับจากการเรียนรู้ที่ได้จากการเรียนการสอน
ในการที่จะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายของการศึกษาขอบเขตการเรียนรู้ทั้งสามนี้ต้องได้รับ
การบูรณาการเข้าไว้ในทุกลักษณะของการเรียนการสอนและการพัฒนาหลักสูตรซึ่งจะทำให้ผู้เรียนกลายเป็นจุดโฟกัสของกระบวนการเรียนการสอนการเรียนรู้
ดังภาพที่ 6.3
|
ภาพที่ 6.3 บูรณาการของพุทธิพิสัย ทักษะพิสัย และจิตพิสัย
อนุกรมอภิธาน เป็นระบบของการแยกแยะบางสิ่งบางอย่าง
ดังนั้นอนุกรมอภิธานของการศึกษาจึงแยกแยะพฤติกรรมที่นักเรียนสามารถคาดหวังที่จะทำให้ได้ภายหลังจากที่ได้เรียนรู้แล้วอนุกรมภิธานเป็นที่รู้จักกันมากที่สุด
คือ อนุกรมภิธานด้านพุทธิพิสัยของบลูมและเพื่อนๆ
พุทธิพิสัย รวมถึง ความรู้
ความเข้าใจการนำไปประยุกต์ใช้การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และการประเมินค่า พุทธิพิสัยแต่ละประเภทในอนุกรมภิธานประกอบด้วยองค์ประกอบบางประการของประเภทความรู้ที่ต้องมาก่อนอนุกรมภิธานนี้มีประโยชน์สำหรับการออกแบบหลักสูตรและการสร้างแบบทดสอบ
จิตพิสัย
การเรียนรู้ทางเจตคติพาดพึงถึงคุณลักษณะของอารมณ์ของการเรียนรู้
เกี่ยวข้องการว่านักเรียนรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับประสบการณ์การเรียนรู้
รู้สึกอย่างไรกับการเรียนรู้กับตนเอง และเป็นการพิจารณาความสนใจ ความซาบซึ้ง
เจคติค่านิยมและคุณลักษณะของผู้เรียน
ทักษะพิสัย
เกี่ยวข้องกับทางร่างกายหรือทักษะทางประสาทและกล้ามเรื้อสัมพันธ์กันมนการเฝ้าดูการเรียนรู้ที่จะเดินก็จะเกิดความคิดว่ามนุษย์เรียนรู้ทักษะการเคลื่อนไหวอย่างไร
เมื่อเด็กได้รับความคิดว่าต้องการอะไร และมีทักษะที่ต้องมีมาก่อนมีความแข็งแรง
และวุฒิภาวะและอื่นๆ เด็กจะพยายามมีความหยาบๆ ซึ่งจะค่อยๆ
แก้ไขผ่านข้อมูลกลับย้อนมาจากสิ่งแวดล้อม
สังคมพิสัย มีความใกล้เคียงและสัมพันธ์กับจิตพิสัย
และเกี่ยวข้องกับการปรับตัวของบุคคลและทักษะการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ซิงเกอร์และดิค
ได้สรุปสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสังคมพิสัยไว้สี่ประการ ดังนี้คือ ประการแรก
ความประพฤติ การปฏิบัติ ประการที่สอง ความมั่นคงทางอารมณ์ ประการที่สาม
ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และประการสุดท้าย
การรู้จักเติมเต็มตนเองให้สมบูณ์ที่เรียกว่า Self-fulfilment ครูต้องมั่นใจในทักษะทางสังคมทางบวกมากว่าทางลบว่าเป็นผลที่ปรากฏภายหลังของการศึกษา
องค์ประกอบการเรียนรู้ประกอบด้วยสิ่งสำคัญ
5 ประการ คือ
1.
ตัวผู้เรียน ซึ่งหมายถึงวุฒิภาวะและความพร้อม
อายุ เพศ ประสบการณ์เดิม สมรรถวิสัย ความบกพร่องทางร่างกายบางประการ การจูงใจ
สติปัญญาและอารมณ์
2.
บทเรียน ประกอบด้วย ความยากง่ายของบทเรียน
ความมีความหมายของสิ่งที่เรียน ความยาวของบทเรียน ตัวรบกวนการเรียน
3.
วิธีการเรียนรู้
ประกอบด้วยกิจกรรมการเรียนการสอน สิ่งจูงใจ คำแนะนำและการแนะแนว
การส่งเสริมให้ผู้เรียนใช้ประสารทรับรู้ช่วยการเรียน การสอนรวดเดียวหรือทีละตอน การเสริมแรงทั้งทางบวกและทางลบและระดับของการเรียนรู้
การท่องจำ การรู้ผล สิ่งกระตุ้นต่างๆ
4.
การถ่ายโยงการเรียนรู้
5.
องค์ประกอบจากสิ่งต่างๆทั้งด้ายกายภาพและจิตใจ
องค์ประกอบที่ส่งผลต่อการเรียนรู้
จากการศึกษาของนักจิตวิทยาและนักการศาพบว่า
องค์ประกอบที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ของมนุษย์ คือ องค์ประกอบด้านเชาวน์ปัญญา
และองค์ประกอบที่ไม่ใช่สติปัญญา
องค์ประกอบด้านสติปัญญา
นักจิตวิทยาและนักการศึกษาได้พยายามศึกษาค้นคว้าเรื่องขององค์ประกอบด้านสติปัญญา
และได้นำเสนอสมรรถภาพทางสมองของมนุษย์ไว้หลายทฤษฎี เช่น ทฤษฎีเอกนัยของบิเนท์
องค์ประกอบด้านที่ไม่ใช้สติปัญญา
เป็นองค์ประกอบที่มีอิทธิพลต่อสัมฤทธิ์ผลทางการเรียนไม่น้อยกว่าองค์ประกอบด้านสติปัญญา
ได้แก่ เจคติที่มีต่อวิชาที่เรียน ขนาดของโรงเรียยน ละศึกษาของบิดามารดา (Anastasi,1961:142) เพรสคอทท์ ได้สรุปองค์ประกอบที่มีอิทธิพลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไว้ 5
ประการ
1.
องค์ประกอบทางกาย
ได้แก่ความสัมพันธ์ระหว่าบิดากับมารดา
2.
องค์ประกอบทางด้านวัฒนธรรมและการขัดเกลาทางสังคม
3.
องค์ประกอบทางด้านความสัมพันธ์ในกลุ่มเพื่อน
4.
องค์ประกอบทางด้านการพัฒนาแห่งตน
5.
องค์ประกอบทั้งห้าตัวมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน
อ้างอิง
ผศ.ดร.พิจิตรา ธงพานิช.วิชาการออกแบบและการจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียน.นครปฐม : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์, 2560.
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น