แบบจำลองการออกแบบการเรียนการสอนของ ADDIE
ADDIE Model เป็นกระบวนการพัฒนารูปแบบการสอนที่นักออกแบบการเรียนการสอนและนักพัฒนาการฝึกอบรมนิยมใช้กัน
ซึ่ง ADDIE Model มีลำดับการพัฒนาเป็น
5 ขั้น
ซึ่งประกอบด้วย
1.
การวิเคราะห์ (analysis)
ซึ่งเป็นกระบวนการระบุว่าอะไรคือสิ่งที่ต้องเรียน
2.
การออกแบบ(Design)
ซึ่งเป็นกระบวนการระบุว่าจะเรียนอะไร
3.
การพัฒนา(Development)
เป็นกระบวนการของการจัดการและการผลิตวัสดุอุปกรณ์
4.
การนำไปใช้(Implementation)
เป็นกระบวนการของการกำหนดโครงการในบริบทของโลกแห่งความจริง
5.
การประเมินผล(evaluation) เป็นกระบวนการของการตัดสินตกลงใจต่อความเพียงพอของการเรียนการสอน
ซึ่งแต่ละขั้นตอนเป็นแนวทางที่มีลักษณะที่ยืดหยุ่นเพื่อให้สามารถนำไปสร้างเป็นเครื่องมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ADDIE
Model เป็นระบบการออกแบบการสอน
การออกแบบรูปแบบการสอนส่วนมากในปัจจุบันเป็นลักษณะที่เปลี่ยนแปลงมาจาก ADDIE Model รูปแบบอื่นไม่ว่าจะเป็น
Dick & Carey, Kemp ISD Model สิ่งหนึ่งที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปในการปรับปรุงรูปแบบคือการใช้หรือเริ่มจากรูปแบบดังเดิม
ซึ่งนี้เป็นแนวคิดที่ยอมรับกันมาอย่างต่อเนื่องหรือเป็นข้อมูลสะท้อนที่ได้รับเพื่อการพัฒนารูปแบบในขณะที่วัสดุการสอนถูกสร้างขึ้น
รูปแบบนี้พยายามทำให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายโดยการเข้าใจปัญหาที่ต้องการแก้ไข
ทฤษฎีการเรียนการสอนเป็นสิ่งที่มีบทบาทสำคัญในการออกแบบวัสดุ หรือสื่อการเรียนการสอน ตัวอย่างเช่นทฤษฎี Behaviorism, Constructivism,
social learning และ Cognitivism
ทฤษฎีเหล่านี้ช่วยในการสร้างรูปแบบและกำหนดสื่อการสอน
ใน ADDIE model แต่ละขั้นตอนจะมีผลลัพท์ที่จะนำไปสู่ขั้นตอนต่อไป
ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
ขั้นที่ 1 ขั้นวิเคราะห์ (Analysis Phase)
การวิเคราะห์เป็นขั้นตอนแรกของกระบวนการออกแบบการเรียนการสอน
ผู้ออกแบบจะต้องกำหนดความจำเป็นในการเรียน
ทำการวิเคราะห์เนื้อหาหรือกิจกรรมการเรียนการสอน คุณลักษณะของผู้เรียน
วัตถุประสงค์ของการเรียนการสอนเพื่อรวบรวมข้อมูล
สำหรับใช้เป็นแนวทางในการกำหนดขอบเขตของบทเรียน ขั้นการวิเคราะห์ประกอบด้วยขั้นตอนย่อย
ดังนี้
1.1
วิเคราะห์ความจำเป็น (Need
Analysis) คือการวิเคราะห์เพื่อกำหนดเลือกว่าควรจัดการเรียนการสอนเกี่ยวกับอะไร
โดยอาจหาข้อมูลจากความต้องการของผู้เรียน หรืออาจหาข้อมูลจากการกำหนดความจำเป็น
ปัญหาขัดข้อง
หรืออุปสรรคที่ทำให้การเรียนการสอนไม่บรรลุตามจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้และพิจารณาว่ามีความจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องจัดการเรียนการสอน
หากจำเป็นหรือสมควรจัด และควรจัดอย่างไร
1.2
วิเคราะห์เนื้อหา หรือ กิจกรรมการเรียนการสอน (Content and Task Analysis) คือ
การวิเคราะห์เพื่อจัดการเรียนการสอนให้ครอบคลุม หรือสอดคล้องกับความต้องการ
ความจำเป็นในการเรียนการสอน โดยพิจารณาอย่างละเอียดด้านเนื้อหา
มีการแบ่งเนื้อหาเป็นหัวข้อใหญ่ และหัวข้อย่อย ๆ เพื่อให้มีความชัดเจน กำหนดเลือกกิจกรรมการเรียนการสอนที่เหมาะสมที่จะให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ
1.3
วิเคราะห์ผู้เรียน (Analyze
Leamer Characteristic) เป็นการวิเคราะห์เพื่อสรุปเป็นข้อมูลสำหรับการจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับผู้เรียน
โดยควรวิเคราะห์ทั้งลักษณะทั่วไป เช่น อายุ ระดับความรู้ความสามารถ เพศ สังคม
วัฒนธรรม เป็นต้น และควรวิเคราะห์ ลักษณะเฉพาะของผู้เรียนด้วย เช่น ความรู้พื้นฐาน
ทักษะความชำนาญ หรือความถนัด รูปแบบการเรียน ทัศนคติ เป็นต้น
1.4
วิเคราะห์วัตถุประสงค์ (Analyze
Objective) วัตถุประสงค์ของการเรียนการสอน คือ
จุดหมายปลายทางที่กำหนดไว้ให้ผู้เรียนและผู้สอนรู้ว่าเมื่อเรียนบทเรียนนั้น ๆ
แล้วจะเกิดการเรียนรู้อะไรบ้าง
ดังนั้นการกำหนดจุดวัตถุประสงค์จึงต้องมีการวิเคราะห์อย่างละเอียดและรอบคอบ
โดยอาจกำหนดจุดมุ่งหมายหรือเป้าหมายหลักของการเรียนการสอนก่อน
แล้วจึงกำหนดวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมที่สามารถประเมินผลได้ชัดเจนเป็นรูปธรรมว่าผู้เรียนบรรลุการเรียนตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้หรือไม่
โดยวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมแยกเป็น ๓ ด้าน คือ
1) วัตถุประสงค์ด้านพุทธิพิสัย
คือ พฤติกรรมเกี่ยวกับความรู้ ความเข้าใจ
2) วัตถุประสงค์ด้านจิตพิสัย
คือ พฤติกรรมเกี่ยวกับความรู้สึก ค่านิยม ทัศนคติ
3) วัตถุประสงค์ด้านทักษะพิสัย
คือ พฤติกรรมเกี่ยวกับการกระทำหรือการปฏิบัติ
1.5 วิเคราะห์สภาพแวดล้อม
(Analyza Environment) วัตถุประสงค์การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมในการสอน
เพื่อเป็นการเตรียมการล่วงหน้าว่า สถานที่ เวลา และบริบทในการเรียนการสอน
ที่จะดำเนินการนั้นจะอยู่ในสภาพใด เช่น ขนาดห้องเรียน
อุปกรณ์สื่อการเรียนการสอนที่จะใช้คืออะไร
ขั้นที่ 2 การออกแบบ (Design Phase)
ขั้นตอนการออกแบบประกอบด้วย การสร้างจุดประสงค์การเรียนรู้
กำหนดเครื่องมือวัดประเมินผล แบบฝึกหัด เนื้อหา วางแผนการสอน และเลือกสื่อการสอน
ขั้นตอนการออกแบบควรจะทำอย่างเป็นระบบและมีเฉพาะเจาะจง โดยความเป็นระบบนี้หมายถึงตรรกะ
มีระเบียบแบบแผนของการจำแนก การพัฒนา
และการประเมินแผนยุทธวิธีที่วางไว้เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
สำหรับความเฉพาะเจาะจงหมายถึงแต่ละองค์ประกอบของการออกแบบรูปแบบการสอนจะต้องเอาใจใส่ทุกรายละเอียด
ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
- จำแนกเอกสารของการออกแบบการสอนให้เป็นหมวดหมู่ทั้งด้านเทคนิคยุทธวิธีในการออกแบบการสอนและสื่อ
- กำหนดยุทธศาสตร์การเรียนการสอนให้สอดคล้องกับพฤติกรรมที่คาดหวังในแต่ละกลุ่ม(cognitive, affective, psychomotor)
- สร้างสตอรีบอร์ด
- ออกแบบ User interface และ User Experiment
- สร้างสื่อต้นแบบ
ขั้นที่ 3 ขั้นการพัฒนา (Development Phase)
ขั้นตอนการพัฒนาคือขั้นที่ผู้ออกแบบสร้างส่วนต่างๆ
ที่ได้ออกแบบไว้ในขั้นของการออกแบบซึ่งครอบคลุมการ สร้างเครื่องมือวัดประเมินผล
สร้างแบบฝึกหัด สร้างเนื้อหา และการพัฒนาโปรแกรมสำหรับสื่อการสอน
เมื่อเรียบร้อยทำการทดสอบเพื่อหาข้อผิดพลาดเพื่อนำผลไปปรับปรุงแก้ไข
ขั้นที่ 4 ขั้นการนำดำเนินการ (Implementation Phase)
ในขั้นตอนการดำเนินการนี้ หมายถึงขั้นของการสอนโดยอาจจะเป็นรูปแบบชั้นเรียน
การฝึกอบรม หรือห้องทดลอง หรือรูปแบบการเรียนการสอนที่ใช้คอมพิวเตอร์
โดยจุดมุ่งหมายของขั้นตอนนี้คือการสอนอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
จะต้องให้การส่งเสริมความเข้าใจของผู้เรียนสนับสนุนการเรียนรอบรู้ของผู้เรียนตามวัตถุประสงค์ต่างๆที่ตั้งไว้
ขั้นที่ 5 ขั้นการประเมินผล (Evaluation Phase)
ขั้นการประเมินผลประกอบด้วยสองส่วนคือการประเมินผลรูปแบบ (Formative) และการประ เมินผลในภาพรวม (Summative) การประเมินผลรูปแบบคือการนำเสนอในแต่ละขั้นของ
ADDIE Process ซึ่งเป็นการประเมินผลเพื่อพัฒนา
และการประเมินผลในภาพรวมจะทำเมื่อการสอนเสร็จสิ้นเพื่อประเมินผลประสิทธิผลการสอนทั้งหมดข้อมูลจากการประเมินผลรวมโดยปกติมักจะถูกใช้เพื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับรูปแบบการสอน
อ้างอิง ADDIE MODEL https://www.gotoknow.org/posts/520517.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น